วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

The Hobbit ฉบับภาพยนต์ในความรู้สึกของผม

ผมเป็นแฟนของท่าน J.R.R Tolkien (เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน) ครับ ดังนั้น The Hobbit ฉบับหนังสือจึงเคยผ่านตาผมมาแล้ว แม้จะนานหลายปีแล้วแต่ก็ยังพอจำโครงเรื่องหลักได้อยู่ เมื่อเข้าไปดูหนังในโรงจึงอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับต้นฉบับหนังสือ
The Hobbit: An Unexpected Journey ฉบับภาพยนต์เป็นการตีความใหม่ของ ปีเตอร์ แจ็คสัน โดยพยายามใส่บรรยากาศของมัชฌิมโลก (Middle-earth) เข้าไป แต่ยังคงอ้างอิงโครงเรื่องหลักของ The Hobbit ไว้อย่างไม่เสียหาย จะเห็นได้ตั้งแต่ต้นเรื่องว่าเป็นการเล่าเรื่องของ บิลโบ แบ็กกิ้นส์ เขียนลงในบันทึกก่อนจะออกเดินทางอีกครั้ง (ต้นเรื่องของ The Lord of the Rings) ทั้งยังสอดแทรกเบื้องหลังที่มาที่ไปของคณะคนแคระ (Dwarf) ที่ต้องหาอ่านเอาในหนังสือ The Lord of the Rings เท่านั้นได้อย่างสนุกสนาน
โดยส่วนที่เพิ่มเข้ามาและผมชอบมากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือการให้บทบาทกับพ่อมดน้ำตาล ราดากัสต์ (Radagast) ที่มีบทบาทน้อยเหลือเกินในเรื่อง The Lord of the Rings ได้อย่างสนุกสนาน ส่วนนี้เป็นการเติมเต็มจิตนาการของผู้อ่าน The lord of the Rings ได้อย่างมาก
หลังจากดูหนังจบผมคงต้องหยิบหนังสือ The Hobbit ขึ้นมาอ่านอีกรอบแล้วครับ
สวัสดี :)

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Mac OS X : Back Up ไฟล์จำนวนมากด้วย rsync

เนื่องจาก เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ผมจำเป็นต้องทำการ back up ข้อมูลจาก external hard disk อีกลูกหนึ่งมาใส่ให้กับลูกที่ผมเพิ่งซ่อมไปใหม่ เพื่อความอุ่นใจส่วนตัว ปกติเราๆ ท่านๆ ก็ใช้การ Copy & Paste เอา ซึ่งก็สะดวกดี สำหรับการ Back Up ครั้งแรก แต่ถ้าข้อมูลที่เราต้องการจะจัดเก็บมีการแบ่งซอยลงไปละเอียดยิบย่อยและเราต้องการจะ update ไฟล์เพียงไม่กี่ไฟล์ที่กระจัดกระจายอยู่ตามโฟลเดอร์เท่านั้น การ Copy & Paste ข้อมูลทั้งหมดทุกครั้งที่ต้องการ update ดูจะเป็นการเสียเวลาจนเกินไป ถ้าจำนวนไฟล์มีมาก คำสั่งrsync (จริงๆ ต้องเรียกโปรแกรม) ก็เป็นตัวช่วยที่ดีในการจัดการความยุ่งยากเหล่านั้น 
rsync มีมากับ Mac OS X อยู่แล้ว แต่ข้อเสียนิดหน่อยก็คือต้องสั่งงานผ่าน command line แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ลองมาดูรูปแบบคำสั่งที่น่าจะใช้งานกันบ่อยๆ กันนะครับ
rsync -av /source /destination
โดย
  • a คือ archive mode จะเป็นการสั่งให้ไต่ลงไปตามโฟลเดอร์ย่อยต่างๆ จริงๆ มีความหมายมากกว่านั้นอีกเยอะเลยครับ แต่ไม่จำเป็นต้องรู้
  • v คือ verbose เป็นการให้แสดงรายละเอียดต่างๆ ตอนที่โปรแกรมกำลังทำงานอยู่นะครับ ดูเท่เหมือนในหนังดีครับ :)
  • /source คือ โฟลเดอร์ต้นทางของข้อมูลที่ต้องการจะ back up
  • /destination คือ โฟลเดอร์ปลายทางที่ต้องการจะให้ไฟล์ไปเก็บไว้
ผมได้จัดทำคลิปสาธิตการใช้งาน rsync แบบง่ายๆ เอาไว้นะครับ ต้องขออภัยถ้าคุณภาพของคลิปมันแย่ ผมยังมือใหม่สำหรับวงการคลิปอยู่มากเลยครับ ไว้โอกาสหน้าจะทำให้คุณภาพดีกว่านี้นะครับ

(กดดูแบบ Full Screen น่าจะช่วยได้บ้าง)
สวัสดีครับ

เมื่อ External HD เจ๊ง!!!

ส่วนตัวผมเป็นคนหวงของมากครับ ดังนั้น ข้อมูลต่างๆ บนคอมฯ ของผมถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ผมต้องดูแลด้วย ผมจึงมี External HD เอาไว้ Back Up สองลูกครับ
ผมใช้ BUFFALO 1 TB แบ่ง partition เอาไว้ 2 partition อย่างละ 500 GB โดย partition แรกเป็น Mac OS Extended (Journaled) เอาไว้สำหรับทำ Time Machine ส่วนอีก partition เป็น ExFAT เอาไว้ใช้งานกับ Notebook ที่เป็น Windows ของคุณภรรยา และ ไว้สำหรับเป็น Mirror Back Up ให้กับ External HD อีกลูกนึงของผมด้วย
ปกติ HD ตัวนี้ผมจะเสียบเอาไว้กับตัว Mac Pro ของผมตลอดเวลาเพื่อทำ Time Machine เอาไว้เรื่อยๆ และหายนะของข้อมูลของผมก็มาถึงครับ เมื่อเช้าด้วยความเร่งรีบผมดึงสาย usb ของ External HD ตัวนี้ออกเอาดื้อๆ โดยที่ไม่ได้สั่ง Eject Device ก่อน หน้าจอผมเด้ง Alert Message ขึ้นมาทันที ในใจคิดมันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ แต่ด้วยความรีบผมเลยต้องกด OK และ ไปทำธุระก่อน
เสร็จธุระแล้วกลับมาลองเสียบ HD ใหม่ ผลคือ ข้อมูลที่อยู่ใน partition ที่เป็น ExFAT หายเรียบครับ T_T ผมลองใช้ Disk Utility ลอง Verify Disk ด้วย ผลดังรูปครับ T_T


ไม่มีทางเลือกครับ “ลุยโลด!!! แล้วค่อยโทษดวง!!!” ก็ปุ่ม OK ไปครับ และก็กด Repair Disk ไปอย่างไม่อิดออด ก็ได้ผลตามภาพด้านล่างครับ

จะเห็นว่ามี message แจ้งให้เราสบายใจว่า “ฉันซ่อมให้แล้วนะ” แต่ๆๆๆ ลองดูตรง Used ด้านล่างสิครับ เนื้อที่ของผมยังไม่กลับมา T_T คงต้องลอง Erase กันหน่อยละครับ

อาาาาา… พื้นที่ผมกลับมาแล้วครับ :)
จากประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า “อย่าดึงสาย usb ออกก่อน Eject Device!!!” ครับ :)
สวัสดีครับ

วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ลุยโลด!!! แล้วค่อยโทษดวง!!!

สิ้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2555 ผมหันหลังให้กับชีิวิตมนุษย์เงินเดือนที่กรุงเทพฯ และออกมาใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาที่จังหวัดตรัง ถึงวันนี้ก็ร่วมๆ 2 เดือนเข้าไปแล้ว จึงเป็นโอกาสอันดีที่เขียนในส่ิงที่ผ่านมาและเป้าหมายที่ต้องทำต่อไป

จุดมุ่งหมาย

ง่ายมากเลยครับ ผมต้องการใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดกับภรรยาของผมครับ และ ทำโครงการส่วนตัวอย่างที่ตั้งใจทำเอาไว้หลายปีแล้วให้ได้เสียที
ผมแต่งงานกัน วันที่ 5 มี.ค. 2555 ครับ แต่ด้วยงานของผมอยู่กรุงเทพ คุณภรรยาอยู่ตรัง ทำให้เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องตลกมาก แต่งงานแล้วไม่ได้อยู่ด้วยกันมันจะแต่งไปทำไม? ไม่สนุกเลย การตัดสินใจกลับบ้านเกิดจึงง่ายดายมาก “ลุยโลด!!! แล้วค่อยโทษดวง!!!” เป็นนิยามของผม ณ ขณะนั้น

ปัญหา

ปัญหาที่ผมเจอหลังจากตัดสินใจก็คือการต้องอธิบายให้คนรอบข้างเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังจะทำอยู่ คนปกติเค้าลาออกไปหางานใหม่ทำกัน แต่ผมลาออกมาว่าง (ในสายตาคนรอบข้าง)
จริงๆ แล้วผมไม่ว่างครับ ตอนนี้ผมเป็นอิสระจากภาระของงานประจำที่เคยทำอยู่แล้ว ผมมีโครงการที่จะทำ แม้โครงการของผมจะไม่สามารถทำเงินเพื่อเลี้ยงชีพได้ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าตนเองยังมีคุณค่าอยู่ แต่ปัญหาของผมคือ จะบอกคนรอบข้างที่นิยามงานที่มีคุณค้าคืองานที่ต้องตอบแทนกลับมาเป็นตัวเงินเท่านั้น ได้อย่างไร?

ที่ผ่านมาและต่อไป

ที่ผ่านมาตลอด 2 เดือน ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ นั้งอ่านหนังสือที่ซื้อเก็บเอาไว้แต่ไม่มีเวลาอ่าน ได้ใช้เวลากับคุณภรรยาอย่างเต็มที่ ได้เห็นชีิวิตคนต่างจังหวัดจริงๆ ว่าเป็นเช่นไร (บอกได้เลยคนกรุงเทพฯมองคนต่างจังหวัดผิดไปเยอะครับ) ผมปล่อยตัวตามสบาย เรียกว่าเรื่อยเปื่อยกันเลยทีเดียว
หลังจากนี้ผมจะเริ่มทำในสิ่งที่ค้างอยู่ในหัวของผมออกมาทีละอย่าง ไม่ว่าจะเป็นยังไงผมจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ “ลุยโลด!!! แล้วค่อยโทษดวง!!!” ครับ
สวัสดี :D