วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เปิดการใช้สามนิ้วลาก (three-finger drag gesture) บน OS X El Capitan

ใช้ macbook pro เครื่องนี้มาหลายปีปกติจะอัพเกรด OS แบบลงทับไปเรื่อยๆ พออัพฯ ทับๆ ไปหลายๆ รุ่นเข้าเครื่องเริ่มช้าอืดวันๆ นั่งมองแต่ cursor อมยิ้มหมุนๆ

ไม่ไหวๆ เลยถือโอกาสทำการ Clean install ลง El Capitan ซะเลย ผลที่ได้น่าพอใจการทำงานลื่นไหลกว่าเดิมมาก

สิ่งแรกที่ทำเลยก็คือการ setup gesture ต่างๆ ของ trackpad ให้เหมือนเดิมตามที่เราถนัด แต่ๆๆ... three-finger drag gesture หายไปครับ !!! ลอง google ดูปรากฏว่าเค้าเอาไปยัดไว้ในส่วน Accessibility ซะงั้น

ดังนั้นใครหาไม่เจอ ก็ทำตามนี้ครับ

  1. เปิด System Preferences
  2. เข้าไปที่ Accessibility
  3. เลือก Mouse & Trackpad
  4. คลิกเข้าไปที่ Trackpad Options...
  5. คลิก Enable dragging
  6. ตรง dropdown เลือก "three finger drag"
enable three-finger drag gesture on el capitan


เรียบร้อยครับ :D

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Happy Hacking Keyboard Lite 2 for Mac

รีวิว Happy Hacking Keyboard Lie 2 for Mac หลังการใช้งาน 1 ปีเต็ม

เมื่อปีที่แล้วได้สั่งซื้อ Happy Hacking Keyboard Lite 2 for Mac (เรียกย่อๆ ว่า HHKB) มากจาก ebay เพราะต้องการลดอาการปวดไหล่ ต้นคอ และ ข้อมือ ด้วยว่าเจ้า HHKB เป็น compact keyboard ตัดเอาส่วนที่เป็นแป้นตัวเลขออกไป (รวมถึงปุ่ม Print Screen, Scroll Lock ที่ไม่มีใครในยุคสมัยนี้เค้าใช้กันแล้ว) ทำให้มีพื้นที่สำหรับวาง mouse ได้อย่างสะดวกมากขึ้น แขนไม่ต้องอยู่ในลักษณะเอื้อมอีก

Happy Hacking Keyboard Lite 2 for Mac with Apple Magic Mouse
มีพื้นที่สำหรับกวัดแกว่ง mouse มากขึ้นไหล่และแขนไม่อยู่ในลักษณะเอื้อม
Happy Hacking Keyboard Lite 2 for Mac with Kensington Trackball
วาง Trackball ไว้ข้างๆ ก็เข้า ลดเมื่อยได้ดีนัก

แล้วทำไมไม่เลือก Apple Magic Keyboard ขนาดก็พอกันแถมไร้สายด้วย ก็คงเพราะด้วยรสนิยมส่วนตัวของผมด้วยกระมังที่ยังชอบ keyboard ที่มีปุ่มกดทรงสูงอยู่ แล้วเจ้า HHKB ก็มีการจัดวางปุ่มที่น่าสนใจดี ประกอบกับรูปร่างหน้าตาที่ดูดีเรียบง่ายน่ารักน่ากด ^.^v

ด้วยว่าตอนได้มาใหม่ๆ เคยไปเขียนรีวิวเอาไว้ใน Pantip แล้ว วันนี้เลยจะขอสรุปประสบการณ์การใช้งานมาครบ 1 ปี เอาไว้ซักหน่อย

ต่อจากนี้ไป คือ ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ครับ ^_____^'

งานผลิต

เจ้า HHKB Lite 2 for Mac ตัวนี้ถึงจะ Made in China ก็ตามแต่ตัววัสดุและงานประกอบจัดว่าดีมากๆ ครับ ใช้งานมาอย่างหนักตลอด 1 ปี ตัวอักษรที่พิมพ์มาบน keycap ไม่มีรอยลอกหรือจางให้เห็นเลย

การใช้งาน

อย่างที่บอกไว้ว่าเจ้า HHKB มีการจัดวางปุ่มที่แปลกไปจาก keyboard อื่นๆ ทั่วไปอยู่ (ภาพประกอบ) พี่เค้าตัดเอาปุ่ม Caps Lock ออกแล้วแทนด้วย Control (Ctrl) แทนซะเลย ย้ายปุ่ม ~ ไปอยู่ด้านมุมขวาแล้วเอา Esc มาไว้แทน ส่วนบรรดาปุ่ม F ต่างๆ ปุ่ม HOME, Page Up, Page Down หรือ ปุ่ม ลูกศร ก็ซ่อนเอาไว้ก็ต้องกดปุ่ม Function Key (Fn) ร่วมถึงจะทำงาน

ดูๆ ไปแล้วน่าจะลำบากเวลาใช้งานเนอะ... แต่เอาเข้าจริงๆ ในระหว่างการพิมพ์หรือการทำงานแทบไม่เป็นปัญหาเลยครับ ใช้เวลากับมันซักพัก ก็จะชินและคล่องไปเอง (จริงๆ HHKB Lite2 เค้าให้ปุ่ม ลูกศร มาด้วยนะครับแต่ผมกระแดะไม่ใช้มันเองครับ)

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องทำงานบน Unix base ต่างๆ ใช้งานกับ Vim หรือ Emacs เจ้า HHKB เกิดมาเพื่องานนี้เลยครับ ยกความดีให้ปุ่ม Control และ Esc ที่อยู่อย่างถูกที่ถูกทางมากๆ ^^v

สุนทรียะในการพิมพ์

หัวข้อนี้เป็นรสนิยมส่วนตัวล่วนๆ เลยครับ อย่างที่บอกไว้ผมชอบ keyboard แบบปุ่มสูง (พวกโบราณนั้นแหละครับ) เจ้า HHKB Lite2 ตัวนี้ให้ความรู้สึกและการตอบสนองได้ดีมากๆ ครับ ถึงแม้ว่าจะเป็น Rubber Dome ก็ตาม น้ำหนักการกดไม่แข็งไม่อ่อนกำลังพอดี เสียงกดค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ เวลาพิมพ์แล้วจะนึกย้อนไปถึงสมัยใช้ keyboard ของ SUH ในห้องคอมฯ ของมหาลัยครับ



สรุป

ด้วยทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาแล้ว Happy Hacking Keyboard Lite 2 เป็นตัวเลือกที่ดีตัวหนึ่งเลยครับ สำหรับคนที่มองหา keyboard ตัวเล็กๆ ประหยัดพื้นที่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกทำงานสาย Unix/Linux Admin หรือ Programmer ที่ใช้ Vim หรือ Emacs เป็น editor หลักประจำตัว แนะให้ลองหาไว้ใช้ซักตัวครับ (หรือจะเป็น HHKB Pro ไปเลยก็ได้ครับถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเงิน) ^^v

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

เริ่มต้นเรียนเขียนโปรแกรมอีกครั้ง

วันสงกรานต์ที่ผ่านมา อยู่ดีๆ ก็อยากเขียนโปรแกรมขึ้นมาโดยลองตั้งโจทย์ง่ายๆ ดู ถึงแม้ว่าอดีตจะทำงานสาย Web Developer มาก็ตาม แต่เนื่องจากไม่ได้เขียนโปรแกรมจริงๆ จังๆ มากว่า 2 ปี พอเริ่มเขียนๆ ไปก็พบว่าตัวเองสูญเสียความสามารถทางด้านโปรแกรมมิ่งไปอย่างมากแล้วทั้ง logic และ syntax แบบไม่รู้ตัวเลย (สมน้ำหน้า)

คิดว่ายังไม่สายที่จะเริ่มกลับมาเขียนโปรแกรมใหม่อีกครั้ง เลยมาโน็ตเอาไว้ในบล็อคก่อน

กติกา
  1. เริ่มใหม่แต่ต้น
  2. เขียนโปรแกรมเป็นงานอดิเรก อย่างน้อยต้องได้โปรแกรมเล็กๆ 1 โปรแกรมทุกๆ วัน โดยไม่กระทบกับงานหลัก (งานร้าน และ งานนอกที่รับมา)
  3. เก็บไฟล์ไว้บน Github ด้วย
  4. ต้องมาเขียนเผยแพร่ลงบล็อคเพื่อแสดงว่าตนเข้าใจแค่ไหน
  5. อัดคลิปลง Youtube ได้จะดีมาก
เครื่องมือ
  1. เริ่มต้นด้วยภาษา C
  2. Compiler ใช้ gcc ผ่าน command-line
  3. ใช้ Linux
  4. ใช้ Vim
  5. ใช้ Git
OK เริ่ม

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

IBM Model M บน Mac

ด้วยว่าวันนี้เพิ่งได้ Keyboard มาใหม่เป็น IBM Model M สำหรับคนที่รู้จักกิตติศักดิ์ของมันดีย่อมรู้ว่านี้คือสุดยอดคีบอร์ดแห่งยุค 90 และเป็นที่ต้องการของบรรดาเหล่า nerd ทั้งหลาย ในที่สุดกระพ้มก็ได้มาครอง วะฮาาๆ วะฮาาๆๆ (บ้าไปแล้ว)


ด้วยว่าเจ้า Model M ตัวนี้เป็นคีย์บอร์ดตั้งแต่ปี 1989 (พลิกดูสติกเกอร์ด้านหลัง) สมัยนั้นชาวโลกยังไม่รู้จัก OS ที่ชื่อว่า Windows ซะด้วย ดังนั้นปุ่ม Windows ที่เราเห็นจนเป็นปกติ (จริงๆ ก็ไม่ค่อยได้กดนัก) จึงไม่มีใน Model M ตัวนี้แน่นอน

ในการใช้งานถ้าใช้บน Windows คงไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่บน Mac ปุ่ม Windows จะใช้แทนปุ่ม Command นั้นเอง ดังนั้นเราต้องมาจัดการเปลี่ยนปุ่มกันนิดหน่อย

สำหรับ Mac OS X ก็ไปที่ System Preferences เข้าไปที่ “Keyboard” จากนั้นกดปุ่ม “Modifier Keys…” ที่อยู่ด้านล่าง (เจ้า Macbook Pro ของผมมันมอง Model M เป็น Barcode Reader ซะงั้น แต่ก็ไม่ใช่ประเด็น)

จัดการให้

ปุ่ม "Cap Lock" เป็นปุ่ม "Ctrl" (Control)
ปุ่ม "Ctrl" (Control) เป็นปุ่ม "Alt" (Option)
ปุ่ม "Alt" เป็นปุ่ม "Command"

ตามรูปครับ


เท่านี้เราก็ใช้งาน Model M Keyboard บน Mac ได้แบบไม่มีปัญหาแล้วครับ :)


สวัสดีครับ